พ่อผมที่หายไป - พ่อผมที่หายไป นิยาย พ่อผมที่หายไป : Dek-D.com - Writer

    พ่อผมที่หายไป

    เด็กชายขลุ่ยอาศัยกับครอบครัววันหนึ่งพ่อต้องออกจากบ้านหางานทำ แล้วพ่อก็หายไป และกลับมาเมื่อเขาโตเป็นหนุ่ม มีหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป

    ผู้เข้าชมรวม

    212

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    212

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  25 ก.ค. 53 / 12:28 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
                                         ครอบครัวของผมเป็นครอบครัวเล็กๆ มีบ้านอยู่ที่ปลายนา แม้บ้านจะไม่ใหญ่โตเหมือนบ้านของเพื่อนคนอื่นเขาแต่ผมก็มีความสุข บ้านผมเป็นบ้านไม้สองชั้น และมีที่นาอยู่ล้อมรอบ ในช่วงฤดูทำนาผมจะชอบมากเพราะมันดูสวยงามเหมือนอยู่อีกโลกใบหนึ่งเลยก็ว่าได้  ครอบครัวของผมมีอยู่ด้วยกัน 5 คน มีคุณปู่ที่อายุจะแปดสิบแล้ว สายตาของปู่ฟ่าฟางมองไม่ค่อยเห็นเหมือนเมื่อครั้งที่ผมยังเด็กกว่านี้  คนต่อมาคือคุณพ่อของผม สำหรับพ่อของผมท่านเป็นทุกอย่างของผมพ่อผมทำได้ทุกอย่างเพื่อผม และทุกคนในครอบครัว คุณแม่คนสวยของผมผมรักท่านมาก ท่านเป็นคนขยันและใจดีมากๆ และคนต่อมาคือน้องสาวสุดซนของผมเอง ผมอายุ สิบขวบ และน้องสาวของผม อายุแค่ สามขวบเอง
                                       พ่อบอกว่าปีนี้เป็นปีที่แล้งที่สุด ข้าวในนาของเราไม่มีน้ำ ผลผลิตที่เคยได้พอได้กิน และได้ขายบ้างกลับมีน้อยแค่พอกิน พ่อจึงต้องไปทำงานที่ในเมืองเพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว กับค่าเล่าเรียนของผมกับน้อง และค่ารักษาโรคร้ายของปู่
       
                                       ก่อนพ่อจะไปพ่อได้บอกให้ผมดูแลปู่ ดูแลแม่ ดูแลน้องแทนพ่อ พ่อมอบขลุ่ยให้ผม ขลุ่ยที่พ่อมักจะเป่ากล่อมเราสองพี่น้องให้หลับในตอนเย็น ก่อนนอน ผมเห็นหลังของพ่อเดินไปน้ำตาของผมก็หลั่งไหลออกมา ยัยน้องสาวตัวดีก็ร้องเรียกชื่อพ่อทั้งร้องไห้ แม้แต่แม่เองผมยังเห็นแม่ยกมือเช็ดใบบหน้าอยู่ไวๆ  "ผมสัญญาว่า จะดูแลทุกคน แทนพ่อเองนะครับ พ่ออย่าลืมกลับมานะครับพ่อ พ่อไม่ต้องห่วง"
                                       วันเวลามักเนิ่นนานและเดินไปช้าเสมอ ผมคิดถึงพ่อ ในบางค่ำคืนผมเคยถามแม่ว่าพ่อจะกลับมาตอนไหน แม่มักจะยิ้มและพูดว่า "อีกไม่นานพ่อก็กลับมาแล้วนะลูก ขลุ่ยก็จะได้เสื้อผ้าตัวใหม่ รองเท้าคู่ใหม่ไม่ดีหรือลูก" แม่มักจะยิ้มกลบเกลื่อนความทุกข์แบบนี้เสมอ พอตกกลางคืนทีไรผมมักได้ยินเสียงแม่ร้องไห้เสมอ แม่คงคิดถึงพ่อมาก เหมือนที่ผมคิดถึงพ่อ
                                       ในทุกๆ เช้าแม่จะตื่นก่อนเสียงไก่เสมอ เพื่อหุงหาอาหารให้ผมกับน้องและปู่ จากนั้นแม่จะไปเก็บผักที่ปลูกไว้หลังบ้าน นำมามัดและจัดใส่ตระกร้า เดินลงจากบ้านไป ลัดเลาะผ่านคันนาของเราและมุ่งตรงไปยังตลาดที่อยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง ผมมักจะตื่นหลังจากแม่ไปได้สักพัก พร้อมๆ กับเสียงไอของปู่ที่ดังขึ้นเป็นระยะๆ  ผมจะรีบมาล้างหน้าแปรงฟันเอาข้าวให้เป็ดไก่เสร็จ ก็หาข้าวให้ปู และป้อนข้าวยัยน้องสาวตั่วป่วนของบ้าน จากนั้นผมก็เดินลัดเลาะไปตามคันนาเพื่อมุ่งหน้าไปโรงเรียนที่อยู่อีกไม่ไกลนัก
                                      มันเป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ จนกระทั่งผมเรียนจบชั้นประถม ผมอยากเรียนต่อในชั้นมัธยมศึกษาแต่แม่บอกว่า แม่คงไม่มีเงินส่งให้ผมเรียนต่อผมจึงได้แต่ทำใจและยอมรับในชะตากรรมครั้งนี้  แต่คงเหมือนมีบุญหล่นทับ ครูที่ปรึกษาของผมได้ขอทุนการศึกษา และจะส่งเสียผมจนเรียนจบมัธยม ผมดีใจมาก ผมอยากเล่าให้พ่อฟังเหลือเกิน พ่ออยากให้ผมเป็นตำรวจ ผมอยากทำความฝันของพ่อให้เป็นจริง แต่เหนือสิ่งอื่นใดผมคงดีใจกว่านี้หากพ่อติดต่อกลับมา
      พ่อส่งเงินและเขียนจดหมายมาถึงแม่แค่สองครั้ง บอกว่าได้งานทำแล้วที่กรุงเทพฯ หลังจากจดหมายสองฉบับนั้นแล้วพ่อก็ไม่เคยติดต่อกลับมาอีกเลย ผมไม่อาจรู้ได้ว่าพ่อเป็นตายร้ายดี ผมอยากไปตามหาพ่อเหลือเกินแต่พ่อบอกให้ผมดูแลแทนพ่อ ผมไม่อยากให้พ่อต้งผิดหวังในตัวลูกชายคนนี้
                                     ตอนนี้ผมเรียนมัธยมปีที่สามแล้วข่าวคราวของพ่อก็ไม่มีให้เห็น ผมได้แต่หวังว่าคงมีสักวันที่พ่อจะกลับมาหาพวกเรา  ผมได้เพื่อนใหม่ที่ย้ายมาจากกรุงเทพฯ เขาชื่อต้นเป็นเด็กที่เรียนเก่งที่สุดในห้อง เขาย้ายมากับแม่ของเขาผมเคยเจอแม่ของเขาบ่อยครั้ง เป็นผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกับแม่ของผมเธอดูใจดี และยิ้มเก่งเหมือนต้นเพื่อนของผม จนกระทั่งพวกเราจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่สามเราก็ยังคงเป็นเพื่อนสนิทกัน ต้นมักเป่าขลุ่ยอวดผมเสมอ เขาบอกว่าพ่อเขาเป่าเก่งและพ่อของเขาเป็นคนสอนให้ ถึงแม้จะเป็นพ่อเลี้ยงแต่ต้นก็รักเขามาก เราสองคนมักเป่าขลุ่ยอวดกันอยู่บ่อยๆ เพลงที่เราเป่าก็เป็นเพลงเดียวกัน เพลงที่พ่อผมชอบเป่านั่นเอง
                                     เมื่อการเรียนของผมสิ้นสุดลงด้วยวุฒิการศึกษาที่มัธยมศึกษาปีที่สาม ครูที่คอยส่งเสียค่าเล่าเรียนของผมได้เสียชีวิตลงจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ชีวิตของผมก็เหมือนสิ้นสุดลงไปด้วย ผมมาทำงานเป็นเด็กปั้มนำ้มัน ที่อยู่ในตัวอำเภอ ส่วนต้นได้เรียนต่อที่โรงเรียนในตัวจังหวัด ต้นมักจะแวะเวียนมาหาผมอยู่บ่อยครั้งเพื่อนประชันฝีมือในการเป่าขลุ่ย
                                     ในวันหนึ่งต้นได้ชวนผมไปทานข้าวเย็นที่บ้าน ผมต้านทานการอ้อนวอนของเพื่อนไม่ไหวจึงได้แต่พยักหน้าเป็นการตอบรับ  บ้านของต้นเป็นบ้านไม้สองชั้นเหมือนบ้านทรงไทยที่คนรวยๆเขาอยู่กัน รอบๆ ตัวบ้านร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้นานาชนิด แม่ของต้นทำกับข้าวและเตรียมวางไว้ที่โต๊ะ ทั้งต้นและผมต่างก็ช่วยกันจัดโต๊ะอาหาร อามหารมื้อนี้เป็นมื้อที่วิเศษที่สุด เพราะมีอาหารมากมายที่ผมไม่เคยกิน ผมคิดถึงแม่กับน้องไม่รู้ป่านนี้จะทานข้าวหรือยัง ก่อนกลับเขากะว่าจะขอกับข้าวสักสองสามอย่างไปฝากแม่ กับยัยน้องสาวตัวป่วนของผม  เมื่อจัดโต๊ะอาหารเสร็จผมก็นั่งประจำที่เพื่อจะทานอาหารอร่อยๆ แต่แม่ของต้นได้บอกให้ต้นไปเรียกพ่อที่อยู่ข้างบนบ้านมาทานข้าว ผมจึงได้แต่นั่งรอ
                                  ทั้งต้นและพ่อของเขาเดินหยอกล้อกันมาอย่างมีความสุข ผมได้แต่มองตาม เมื่อทั้งสองคนลงมาถึง ต้นก็แนะนำให้พ่อของเขาและขลุ่ยรู้จักกัน
                                  "ขลุ่ย นี่พ่อเราเอง" ต้นพูดขณะกอดไหล่ของพ่ออย่างสนิทสนม ผมยกมือไหว้พ่อของต้น
                                  "พ่อครับนี่ขลุ่ยเพื่อนสนิทของผมเองครับ" ต้นชี้มาที่ผม
                                 ผมไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเอง ผู้ชายคนที่อยู่ตรงหน้าผมคนนี้เหมือนกันราวฟ้ากับดิน แม้จะผ่านมานานหลายปีเขาก็จำรายละเอียดได้ แม้รอยเหี่ยวย่นที่ปรากฏก็ไม่สามารถปิดบังได้  ผมรู้สึกหูอื้อ และน้ำตามันเริ่มไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว  พ่อ พ่อ พ่อของผมเองที่ผมรอคอยมานานหลายปี เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง เกิดคำถามมากมายขึ้นในใจ ทำไมพ่อไม่กลับบ้าน พ่อไม่คิดถึงทุกคนหรือไง ใช่พ่อของผมหรือเปล่า  พ่อ พ่อ พ่อ
                                   "ขลุ่ย เป็นอะไรไป" ต้นสะกิดที่ตัวผม ในตอนนี้ผมไม่อยากอยู่ที่นี่ อยากหนีไปให้ไกลแสนไกล แม่ๆๆๆๆ แม่ช่วยผมด้วย ผมไม่อาจหยุดน้ำตาได้ ผมทำได้เพียงพามันไปจากที่นี่ ผมลุกขึ้นจากโต๊ะและวิ่งออกไปโดยไม่ฟังคำเรียกของต้น  ผมกลับมาถึงบ้านด้วยความอ่อนแรง หันหน้าลงไปกับหมอน ปลดปล่อยความอัดอั้นตันใจที่มีไปกับน้ำตา และผมจะไม่บอกให้แม่ และน้องรู้เด็ดขาด ให้ผมเจ็บปวดใจคนเดียวก็เพียงพอ
                                    ในวันต่อมาผมก็ไม่ได้พบกับต้นอีกเลย จนกระทั่งวันหนึ่ง ต้น และผู้ชายคนนั้นก็แวะมาเติมน้ำมันที่ปั้ม ต้นยังทักทายเขาเหมือนเดิม เขาไม่อาจมองหน้าเข้าไปในรถได้ ไม่อยากพบเจอหน้า หรือมองผู้ชายคนนั้นเลยด้วยซ้ำ ผมพูดกับต้นเสร็จก็รีบเดินจากไป ผู้ชายคนนั้นเปิดประตูและวิ่งตามผมมา
                                    "ขลุ่ย ขลุ่ยใช่ไหมลูก"ผู้ชายคนนั้นพูด ผมหยุดเดินและหันหน้ามาหาเขา
                                    "ผมไม่มีพ่อ กรุณาอย่าเข้าใจผิด" ผมพูดอย่างตัดรอน
                                    "ปู่ กับแม่ กับน้องสบายดีไหมลูก" ชายคนนั้นพูดด้วยแววตาแสดงถึงความห่วงใย  ผมหัวเราะและมองจ้องลึกเข้าไปในแวตาของเขา
                                    "สบายดี สบายดีทุกคน ปู่รอผู้ชายคนหนึ่งพูดถึงผู้ชายคนนั้นแม้แต่จะตาย ยังเรียกหาแต่ผู้ชายคนนั้น พอใจไหมหละ ปู่ตายไปตั้งนานแล้ว เพราะคุณคนเดียว" ผมพูด และหันหลังเดินจากไป ผู้ชายคนนั้นวิ่งมาขวางหน้าผมไว้
                                   "จริงหรือขลุ่ย"
                                   "แม่โดนรถชน เดินไม่ได้ พอใจคุณไหม พอใจไหม" ผมพูดทั้งน้ำตา ผมเห็นน้ำตาผู้ชายคนนั้นหลั่งไหลออกมาไม่น้อยไปกว่าผม
                                   "พ่อขอโทษ พ่อขอโทษนะขลุ่ย"
                                   "ไม่ต้องขอโทษผมหรอก พ่อผมตายจากไปตั้งแต่วันที่ออกจากบ้านแล้ว"
                                   "ฟังพ่ออธิบายได้ไหมลูก" เขาพูด ผมมองหน้าเขาก่อนจะเดินจากไป
                                  ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมทำมันถูกหรือผิด แต่ผมรู้สึกเสียใจเหลือเกิน เจ็บปวดหัวใจ มีแต่นำ้ตาที่ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นได้ ต่อแต่นี่ไปครอบครัวของผมมีแค่แม่ กับน้อง และปู่ที่จากไปเท่านั้น
                                  "ผมคิดถึงพ่อ พ่อผมคนเดิม พ่อครับ พ่อๆๆๆๆ  ช่วยขลุ่ยที"
                            

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×